เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๘ ก.พ. ๒๕๕o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจทำดี เห็นไหม เราตั้งใจทำดี เริ่มต้นวันนี้วันตรุษจีน วันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน วันขึ้นปีใหม่ของชาวไทย วันขึ้นปีใหม่ของชาวยุโรป วันขึ้นปีใหม่หมดเลย วันขึ้นปีใหม่คือการตั้งต้นชีวิตใหม่ การตั้งต้นชีวิตใหม่เขาจะอวยพรกัน การอวยพรขอพรจากผู้ใหญ่ ถ้าคนขอพรจากผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ เห็นไหม ผู้ใหญ่ ผู้เฒ่าผู้แก่

ประเพณีอีสานนะ ผู้เฒ่าประจำหมู่บ้าน ผู้เฒ่าคือผู้มีประสบการณ์ เหมือนกับเราในปัจจุบันนี้ ทำจริงๆ แล้วหลักการมันก็อันเดียวกัน เห็นไหม เวลาเขาตั้งบริษัทที่ปรึกษา เราทำธุรกิจต้องมีที่ปรึกษา ต้องทำการวิจัยตลาด ผู้เฒ่าผู้แก่มันก็เหมือนที่ปรึกษา เพราะเขาผ่านโลกผ่านชีวิตมามาก ผู้เฒ่าผู้แก่อีสานนี่เขาเคารพกันนะ เขาเคารพ เขามีปัญหากัน เขาจะให้ผู้เฒ่าผู้แก่เป็นผู้ตัดสิน ผู้เฒ่าผู้แก่เป็นผู้ที่เขาไว้วางใจ

แต่ในปัจจุบันนี้โลกธุรกิจ เห็นไหม บริษัทที่ปรึกษาเราต้องจ้าง ทุกอย่างต้องจ้าง เวลาเขาจะทำอะไรกันก็สิ่งนี้เป็นประเพณีของระบบอุปถัมภ์ ต้องระบบการตลาดของเขา ถ้าระบบอุปถัมภ์คือว่าผู้ใหญ่ให้พรเด็ก ผู้ใหญ่ดูแลเด็ก ผู้ใหญ่ของเรา เห็นไหม มันเป็นวัฒนธรรมของตะวันออก

วัฒนธรรมทางตะวันออก วัฒนธรรมทางตะวันตก เวลาวัฒนธรรมกับวัฒนธรรมปะทะกัน เวลาปะทะกันแล้วเราจะเลือกวัฒนธรรมไหน วัฒนธรรมของเราคือความสุขของเราไง ความจริงจังของเรา ความสุขของเราจากหัวใจ การอุปถัมภ์ การดูแลกันระหว่างผู้ใหญ่อุปถัมภ์เด็ก มันจะเสียหายไปไหน เห็นไหม มันเป็นสิ่งดีงามของวัฒนธรรม แต่เขาว่าสิ่งนั้นทำไม่ได้ ต้องให้ทุกคนเข้มแข็งกันหมด ทุกคนต้องช่วยตัวเองหมด เด็กก็ให้มันตายไปก่อนไง เด็กจะให้ยืนขึ้นมาไม่ได้ไง ผู้ใหญ่ก็จะเอาเปรียบเด็กตลอดไป

แต่ประเพณีของทางตะวันออกเรา ผู้ใหญ่จะดูแลเด็ก จะช่วยเหลือกัน จะเจือจานกัน สังคมจะมีความร่มเย็นเป็นสุข เห็นไหม แล้วเราจะปล่อยให้เขาทำลายวัฒนธรรมของเราเหรอ? เราไปเชื่อเขาได้อย่างไร? วัฒนธรรมของเขา เวลาเราไปศึกษา เห็นไหม มีคนมาลาไปเรียนทางยุโรปมากเลย บอกต้องไปเรียน เราไปเรียนเอาวิชาชีพ วิชาชีพ

คนเก่งกับคนดี คนเก่งก็ต้องเก่งทางโลกเขา แต่เราต้องเป็นคนดีด้วย ถ้าเราเป็นคนดี เราจะดูแลน้องเรา เราจะดูแลญาติเรา เราจะดูแลพี่น้องของเรา เห็นไหม นี่เป็นคนดี ถ้าคนเก่งคือการแข่งขัน เขาแข่งขันได้ทั้งนั้น คนเก่ง เห็นไหม แต่ถ้าไม่ดี คนเก่งเขาก็เอาเปรียบกัน

นี่การอวยพรกัน สิ่งนั้นคือการอวยพรกันจากภายนอก ถ้าการอวยพรจากภายใน ทำดี ถ้าเราอวยพรจากภายใน ฟังสิ! คนเราเกิดมามันก็มีความต้องการ มีความทะยานอยากทุกคน เพราะมันมีกิเลสมา แต่ถ้าเราทำคุณงามความดี อันนี้เป็นมรรค เห็นไหม ทำความดีเหมือนกัน

ถ้าบอกว่าพระพุทธเจ้าสอนให้ปล่อยวาง พระพุทธเจ้าสอนให้ว่าง ให้ทำสบายๆๆ แล้วถ้าเวลากิเลสมันอ้างไง ก็ปล่อยวางกันแล้วไง สังคมก็มีการพัฒนา เห็นไหม บอกพระพุทธเจ้าสอนให้ปล่อยวาง บอกว่า ปล่อย ให้วางเฉย พระพุทธเจ้าสอนทำให้ไม่พัฒนา ประเทศชาติไม่พัฒนา

ไม่เป็นความจริงเลย ถ้าเป็นความจริงนะ ทำไมมีความเพียรชอบ ความเพียรในมรรค เห็นไหม ความเพียรชอบ งานชอบ ความเพียรขยันด้วย แล้วขยันในความถูกต้องด้วย ความขยันนะ ดูสิ เวลาโยมทำมาหากินกัน ว่าทุกข์ยากๆ ผู้ที่บวชแล้วไม่เห็นทำอะไรเลย

งานของพระนี่ลำบากกว่าโยมหลายร้อยเท่า เพราะงานของพระเป็นการเอาความคิดของตัวเองเอาไว้ให้อยู่ในอำนาจของตัวเอง ความคิดที่มันดิ้นรนในหัวใจ ต้องนั่งภาวนาเพื่อจะกำหนดความคิดไม่ให้มันฟุ้งซ่านออกไป ให้มันมีความสุข งานอาบเหงื่อต่างน้ำใครก็ทำแทนกันได้นะ งานเอาความคิดเอาไว้ในอำนาจของเรา เอาใจของเราเอาไว้ในอำนาจของเรา มันยากกว่าโยมหลายร้อยเท่านัก แต่โยมก็บอกว่าพระนี่ไม่ทำการทำงาน

งานของพระนะ งานของพระ ดูสิ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกจากราชวังมา พอไปเจอพระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าพิมพิสารนึกว่าไง นึกว่ามีปัญหามา จะให้กองทัพครึ่งหนึ่งไปเอาเมืองคืน

บอก “ไม่ใช่ ออกแสวงหาโมกขธรรมจริงๆ ออกแสวงหาความสุขจากภายในจริงๆ นะ” เพราะอะไร เพราะสละมา เห็นไหม

พระเจ้าพิมพิสารขอสัญญาไว้เลย “ถ้าอย่างนั้น ถ้าบรรลุธรรมแล้วให้กลับมาสอนด้วย”

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกไปค้นคว้าอยู่ ๖ ปี บุญญาธิการมาขนาดนั้น สละสมบัติ สละทุกๆ อย่างมาเลย เพื่อจะเอาความสุขจากภายในไง เวลานี่ ๖ ปีแล้ว ประสบความสำเร็จแล้วไปเทศน์ปัญจวัคคีย์ก่อน ไปเอายสะก่อนนะ สุดท้ายก็มาเทศน์นะ มาโปรดพระเจ้าพิมพิสารจนพระเจ้าพิมพิสารเป็นพระโสดาบัน เป็นพระโสดาบันนะ

เวลาเป็นพระโสดาบันขึ้นมา กรรม เห็นไหม อชาตศัตรูนี่อยากได้สมบัติมากเพราะไปคบหมู่ผิด เอามีดกรีดเท้านะ พ่อ เห็นไหม นี่ผู้เฒ่าผู้แก่เป็นผู้ที่รักลูกมาก จะเอาอะไรก็ให้อยู่แล้ว สมบัติก็ให้ อะไรก็ให้ ทั้งๆ ที่มีอำนาจนะ เขาจับตัวได้หมดแล้วแหละ ถ้าพระเจ้าพิมพิสารสั่งไป มันก็ประหารทั้งหมด แต่ไม่ทำ ลูกของเราเอง ให้หมดเลย แต่ลูกก็ยังเอามีดมากรีดเท้าอีก ดูสิ เพราะอะไร เพราะคบมิตรผิดนะ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า “ถ้าพระเจ้าอชาตศัตรูไม่ได้ทำปิตุฆาตไว้ อย่างน้อยต้องเป็นพระอนาคามี” เพราะอะไร เพราะเวลาฟังธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่แทงใจมาก ขณะที่คบมิตรผิด ไปทำความผิดไว้ก่อนไง

สิ่งใดที่ทำแล้วย้อนอดีตว่าสิ่งนั้นไม่ดีเลย เสียใจ สิ่งนั้นไม่ดีเลย เราจะเสียใจมาก พระพุทธเจ้าบอกสิ่งนั้นไม่ดีเลย แต่ขณะที่ปัจจุบันเราทำ เราไม่มีสติสัมปชัญญะไง เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพานนะ “ภิกษุทั้งหลาย เธอจงพิจารณาสังขารด้วยความไม่ประมาทเถิด”

นี่ไม่ประมาทเถิด ความประมาทเลินเล่อ พระพุทธเจ้าสั่งไว้เป็นคำสุดท้ายเลย ไม่ให้เราประมาทนะ ให้เรามีสติสัมปชัญญะกับชีวิต จะทำสิ่งใดอย่าประมาท ต้องคิดใคร่ครวญให้ดี เห็นไหม คิดใคร่ครวญแล้วทำ เวลาทำไปแล้วไม่เสียใจภายหลังไง

สิ่งที่เสียใจภายหลัง ดูสิ อชาตศัตรู เห็นไหม สมบัติก็ได้ อยู่ต่อไปก็ได้ พ่อก็ให้ ก็ลูกแบบผู้ที่จะครองบัลลังก์อยู่แล้ว แต่เพราะไปคบมิตร สิ่งต่างๆ ไปคบเทวทัต เทวทัตก็ยุแหย่จนแย่งชิงก่อน พอแย่งชิงก่อนแล้วก็ได้สมบัติมา พอได้สมบัติมา...พอลูกตัวเองเกิด เห็นไหม คิดถึงเรารักลูกอย่างไร พ่อเราก็รักอย่างนั้น แต่เสียใจก็ไม่ทันแล้ว พ่อไปแล้ว

แล้วเวลาฟังเทศน์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศรัทธามากนะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน พวกอำมาตย์จะรายงาน...ไม่กล้าเลยนะ เพราะรายงานรู้เลยว่าต้องช็อก เพราะรักองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก โห.. ไปกราบเท้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก รักองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากนะ

แล้วเวลาจะบอกว่าตาย...นี่ไม่กล้าบอก ต้องเตรียมนะ เอาเรือขุด สมัยโบราณเรือขุด แล้วเอาสมุนไพรแก้สลบวางไว้ในเรือ พอบอกองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานปั๊บ...ช็อกเลย พอช็อก ฟื้นขึ้นมา ช็อกก็เอาลงไปในเรือในสมุนไพร ฟื้นขึ้นมา ช็อกอีก...ฟื้นขึ้นมา ช็อกอีก...

คนรักองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขนาดนี้ ศรัทธาขนาดนี้ แต่เพราะว่าได้ทำปิตุฆาตไว้ มันเลยไปปิดกั้นมรรคผลของตัวเอง “ทำสิ่งใดที่รู้ว่าเสียใจที่ไม่ดี แล้วเสียใจภายหลัง สิ่งนั้นไม่ดีเลย” ถ้าไม่ได้ทำสิ่งนี้ไว้จะเป็นประโยชน์กับตัวเองมาก เพราะฟังองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รักองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก แต่เพราะกรรมมันปิดไว้

นี่เพราะคนเรามันมีกิเลส มันมีสิ่งที่เรียกร้องหาจากภายใน การขอพร การให้พรกัน เราก็ให้กัน เราก็ดูแลกัน แต่เรื่องของกรรม เรื่องของใจมันมีมา เวลาเราประพฤติปฏิบัติไป ละพ้นทั้งดีและชั่ว

ดี เห็นไหม เราติดดีนะ คนติดดีนี่แก้ยากกว่าคนติดชั่วอีก คนติดดีเพราะมันเป็นความดี ความดีละทิ้งความดีได้อย่างไร? สิ่งที่ดีจะทิ้งได้อย่างไร?

สิ่งที่ดี ดีก็เป็นดีของโลก ดีของวัฏฏะ ทำบุญกุศลขนาดไหนก็ได้วัฏฏะ ไม่ให้ติด ดูสิ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกโปฐิละ เห็นไหม ทำดีไหม ขนาดว่าจำธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้หมดเลย แล้วเทศนาว่าการจนลูกศิษย์เต็มไปหมดเลย

“ใบลานเปล่า! ใบลานเปล่า!”

ความดีโลกๆ ไง ความดีเป็นทฤษฎีไง แต่ความดีความจริง ความดีที่เป็นจริงไม่เกิดขึ้นมาจากใจ เห็นไหม แต่เพราะมีวาสนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงเตือนสติไง “ใบลานเปล่า! ใบลานเปล่า!” ความรู้เปล่าๆ ไง ความรู้ทางทฤษฎีไง แต่ยังไม่มีภาคปฏิบัติไง จนสะเทือนใจนะ จนออกประพฤติปฏิบัติเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาหมด เห็นไหม เป็นพระอรหันต์อยู่ที่ไหน เป็นพระอรหันต์มันเป็นอริยทรัพย์

เรามองกันที่ว่าเราอยากได้ทรัพย์สมบัติมาก แต่ถ้าเป็นทรัพย์สมบัติ เห็นไหม วันนี้อยากได้พร แล้วทำให้การค้ารุ่งเรือง ใช่..รุ่งเรืองนี่ถูกต้อง อันนี้เป็นถูกต้องอันหนึ่ง มันเป็นทรัพย์สมบัติภายนอก แต่ถ้าทรัพย์สมบัติภายในมันละเอียดกว่า แล้วทรัพย์สมบัติเอามาอวดกันได้อย่างไร?

ถึงว่าเป็นสันทิฏฐิโก เป็นปัจจัตตัง เป็นสัจจะความจริงจากภายใน ถ้าเป็นสัจจะความจริงจากภายใน เห็นไหม เมล็ดพันธุ์พืช ถ้าเมล็ดพันธุ์ดี ปลูกลงที่ดินที่ไหน มันก็เจริญงอกงามของมัน เมล็ดพันธุ์ที่ไม่ดี เห็นไหม

นี่เหมือนกัน อริยทรัพย์มันอยู่ภายใน เมล็ดพันธุ์จิต จิตที่ดี ตกในที่อุกฤษฏ์ขนาดไหน จิตไม่ทำให้คนนั้นเป็นคนเลวไปได้ เพราะมันต้องเอาตัวรอด ต้องเอาสิ่งต่างๆ ต้องพาไป พระโพธิสัตว์เวลาเข้าถึงจุดวิกฤติ จะพาหมู่คณะพาสัตว์ พาลูกน้องรอดไปเลย เอาชีวิตตัวเองเข้าแลกๆๆ เข้าแลกแล้วมันด้วยปัญญาจะไม่ผิดพลาดไป

สิ่งที่เป็นอริยทรัพย์มันเกิดจากภายใน ถ้าอริยทรัพย์มันเกิดจากภายใน ความผิดจากภายนอกมันจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ในเมื่อหัวใจมันไม่คิดการกระทำอย่างนั้น นี่อริยทรัพย์จากภายใน แล้วเอามาอวดใครได้ ก็อวดจากพฤติกรรม ดูพฤติกรรมว่าคบกันนาน เห็นไหม ศีลจะรู้ได้ต่อเมื่อคบกันนาน ธรรมจะรู้ได้ต่อเวลาพูดกัน สื่อความหมาย ปัญญาคนจะออกมาจากคำพูด คำพูดคนนี้มีเชาวน์ปัญญา คำพูดคนนี้ทำไมพูดแล้วไม่มีหลักการเลย คำพูดคนนี้มันสื่อออกจากใจหมดเลย ถ้าใจเป็นอริยทรัพย์แล้วมันจะออกมาจะเป็นความดีทั้งหมด

นี่ทรัพย์ภายนอก ทรัพย์ภายใน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน ศาสนาของเราถึงประเสริฐ ประเสริฐตรงนี้ ตั้งแต่เริ่มเด็กๆ มาเลย มาวัดมาวามาเพื่อความอ่อนน้อมถ่อมตน ดูสิ เด็กหัวใจมันนิ่มนวล กับเด็กใจแข็งกระด้าง เราพยายามตะล่อมเข้ามา ตะล่อมเข้ามา..

พ่อแม่ที่ฉลาด เห็นไหม อนาถบิณฑิกเศรษฐี จ้างลูกไปฟังเทศน์ พอฟังเทศน์กลับมาเอาตังค์ทุกวันเลย พอสุดท้ายพอบอกว่าถ้าเอาตังค์แล้วนะ ว่าพรุ่งนี้ให้จำสักคำสองคำนะ พอเริ่มจำสักคำสองคำ มันต้องใช้สัญญาแล้ว มันต้องเข้าไปเนื้อของจิตแล้ว พอจำสักคำสองคำมาบอกพ่อ มันสะเทือนใจเพราะเป็นพระโสดาบันนะ ไม่กล้าเอาตังค์ เห็นไหม

ฟังสิ! อริยทรัพย์จากภายในกับเงินต่างกัน ทุกวันมาถึงต้องมาเบิกเลย ไปวัดมาแล้วเบิกตังค์ๆ พอใจเป็นธรรมจากอริยทรัพย์ อาย.. อายมากๆ อายพ่อมากเลย พ่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องมาจนขนาดนี้ ยังเลี้ยงหัวใจมาอีก พ่อทำไมสุดยอดขนาดนี้ เห็นไหม อายตัวเองมากเพราะมันได้อริยทรัพย์จากภายใน

เราก็เหมือนกัน นี่ขอพรจากภายนอก วันนี้วันตรุษจีน วันเริ่มต้นปีใหม่ ให้พรให้ประสบความสำเร็จทางปัจจัยเครื่องอาศัย คือทรัพย์จากภายนอก แล้วถ้ามีตั้งใจจริงจากภายใน มันจะได้ทรัพย์จากภายใน “ทรัพย์จากภายนอก ทรัพย์จากภายใน” ทรัพย์จากภายในก็ดูพฤติกรรม ดูการประพฤติปฏิบัติ ใจคึกคะนองก็แสดงออกมาจากกิริยาท่าทาง ถ้าใจมันร่มเย็นเป็นสุขนะ มันเป็นธรรมของมันนะ ออกมานี่เป็นประโยชน์กับโลก

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน พระอานนท์ร้องไห้นะ “ดวงตาของโลกดับแล้ว! ดวงตาของโลกดับแล้ว!”

ถ้าใจที่เป็นธรรม มันจะเป็นดวงตาของโลก เป็นที่พึ่งอาศัย มันพาชีวิตเราไม่ไปเศร้าหมอง พาชีวิตเราข้ามพ้นจากฝั่ง พาชีวิตเราให้มีความสุขสมความปรารถนาตามประสาอำนาจวาสนาของเรา เอวัง